มูลนิธิสยามศิวิไลซ์
โดยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานมูลนิธิและคณะได้ตระหนักถึงความลำบากของประชาชนในพื้นที่ชนบทห่างไกลในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและได้รับบริการด้านการรักษาพยาบาลที่ดีและเพียงพอโดยเฉพาะการ มีเตียงผู้ป่วยรองรับอย่างเหมาะสม
จึงร่วมกับสมาคม, องค์กรเอกชน, รัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ ตลอดจนภาคประชาชนทุกหมู่เหล่า จัดทำโครงการ “ทำความดีแทนคุณแผ่นดิน” บริจาคเตียงผู้ป่วย ๗,๒๐๐ เตียงแก่โรงพยา บาล สมเด็จพระยุพราช จำนวน ๒๑ แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในพื้นที่ชนบทอีกจำนวน ๖๗๘ แห่ง รวมจำนวนโรงพยาบาลทั้งสิ้น ๖๙๙ แห่ง ใน ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ

สาสน์จาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
“ในวัยที่กำลังจะครบ ๙๓ ปี ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘ นี้ แม้กำลังกายของข้าพเจ้าจะถดถอยแต่หัวใจของข้าพเจ้ายังตระหนักอยู่เสมอว่า ชีวิตของข้าพเจ้านั้นเป็นหนี้บุญคุณแผ่นดินนี้อย่างไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้. ... ข้าพเจ้าจึงขอทำดีแทนคุณแผ่นดินตราบสิ้นลมหายใจของข้าพเจ้า..”
ตลอดชีวิตข้าราชการทหารและทำงานการเมืองของข้าพเจ้ามีความปราถนาดีต่อประชาชนโดยไม่เคยแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา มุ่งหวังอย่างแรงกล่าให้พี่น้องประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน มีความอยู่ดีกินดี และเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าประเทศไทยเรามีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นมาได้ถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์และความสามัคคีของคนในชาติ

ในทางการเมืองข้าพเจ้า ลาออกจากราชการทหารในปี ๒๕๓๓ และตั้งพรรคความหวังใหม่ ด้วยความมุ่งหมายใช้ความรู้ความสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดี พัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าและมั่งคั่งมั่นคง สร้างนโยบายอีสานเขียวพลิกผืนแผ่นดินที่แห้งแล้งของทุ่งกุลาร้องไห้ให้กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรนานาชนิด สร้างนโยบายฮารัมปันบารู เพื่อดูแลพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้
กว่า 60 ปีที่ข้าพเจ้าได้ทำงานรับใช้ประเทศ ทั้งในฐานะข้าราชการทหาร ทำหน้าที่ปกป้องประเทศด้วยหยาดเหงื่อ เลือดเนื้อและวิญญาณ ผ่านทั้ง สงครามกับเวียดนาม,สงครามอินโดจีน และการคลี่คลายภัยจากคอมมิวนิสต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ จนเอาชนะด้วยนโยบาย ๖๖/๒๓ จนในเวลาต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้บัญชาการทหารบก

แต่หัวใจของข้าพเจ้ายังตระหนักอยู่เสมอว่า ชีวิตของข้าพเจ้านั้นเป็นหนี้บุญคุณแผ่นดินนี้อย่างไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้ ความมุ่งหวังที่จะเห็นประชาชนมีความอยู่ดีกินดี มีสุขภาพกายและใจที่ดี มีความสุขในทุกช่วงวัย ยังมีอยู่ในใจของข้าพเจ้าอย่างไม่เสื่อมคลาย
